ผีไม่มีญาติ

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 22 มิถุนายน 2006.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,492

    "ป้าพริ้ง" เล่าเรื่องขนหัวลุกในอดีตจากวัดบพิตรพิมุข

    ถ้าเอ่ยชื่อ "วัดเชิงเลน" มักไม่มีใครรู้จัก เพราะเป็นชื่อวัดมาตั้งแต่สมัยโบร่ำโบราณเต็มที ชาวพระนครสมัยก่อน หรือชาวกรุงเทพฯ สมัยนี้มักจะรู้จักแต่ชื่อใหม่ของวัดเชิงเลน คือ "วัดบพิตรพิมุข" เท่านั้น

    ถึงแม้คนย่านสะพานหัน ย่านจักรวรรดิก็เลือนๆ ไปตามกาลเวลา เหลือแต่รุ่นปู่ ย่า ตา ยาย เท่านั้นแหละค่ะที่รู้จัก

    จะเรียกตัวเองว่ายายก็กระไรอยู่ เสมอเป็นป้ายังพอฟังนะคะ วันนี้ป้าจะเล่าเรื่องขนหัวลุกสมัยก่อนให้ฟัง ทั้งแปลกแต่จริง อ๋อ! รับรองว่ายังไงๆ ก็ต้องน่าขนลุกขนพองด้วยซีคะคุณขา

    เอาเรื่องแปลกแต่จริงก่อน!

    วัดเชิงเลนเป็นวัดเดียวในประเทศไทย ที่มีทางรถรางแล่นผ่าเข้ามาในวัดดื้อๆ กระเด๊งๆ ผ่านข้างโบสถ์กับโรงเรียนมัธยมบพิตรพิมุข ไม่รู้ว่าอะไรดลใจซีคะ? เออ...คนเรานะ กระทั่งต่อมาจึงนึกได้ว่าอุตริวิตถาร แถมพิสดารน่าถองเสียจริงๆ เลยเปลี่ยนเส้นทางอ้อมไปข้างโรงพักจักรวรรดิ

    ใครจะว่าไม่แปลก ไม่พิสดารก็แล้วแต่ใครเถอะนะ อย่างที่เขาว่า...ต่างคนก็ต่างจิตต่างใจ ไม่ว่ากันดอกค่ะ

    อีกเรื่องหนึ่งก็คือ วัดเชิงเลนเป็นวัดที่มีทางสัญจรเข้าออกภายในบริเวณวัดมากมายเหลือเกินค่ะ ทั้งหน้าวัด ข้างวัด หลังวัด กลางวันงี้ผู้คนเดินกันขวักไขว่เชียว

    ทางเข้าออกที่นิยมกันมาก สมัยนี้เรียกสุดฮิต แต่สมัยก่อนเรียกว่าเฟเวอริตมากๆ คือเส้นทางที่เลียบมาจากสะพานหัน เป็นตรอกผ่านตลาดริมคลอง แล้วผ่านวัดไปออกท้ายวัดโน่นเลย

    ตามเส้นทางนี้เมื่อใกล้วัดก็จะเป็นร้านรวงจำหน่ายยาเส้นชนิดต่างๆ มีทั้งยาสูบที่เรียกว่า "ยาตั้ง" สำหรับใช้มวนสูบ จะใบจากหรือใบตองก็แล้วแต่รสนิยมของใครของมัน มีทั้งยาฉุนและยาจืดที่คนเฒ่าคนแก่ติดหมากพลูใช้ถูฟันให้ขาว หรือดำเป็นมันวาวก็แล้วแต่จะติดหมากมามากน้อยแค่ไหน

    ถูฟันแล้วก็จุกปากไว้ เคี้ยวหมากหยับๆ ถ่มน้ำหมากปรี๊ดแล้วใช้ถูฟันต่อไป

    พวกที่มานั่งมวนยาบุหรี่ใบตองหน้าร้านริมตรอก ล้วนแต่เป็นสาวๆ แส้ๆ ในย่านนั้น มีทั้งสะสวยรวยรูปกับหน้าตาพื้นๆ ปะปนกันไป ทำให้พวกหนุ่มๆ มากรีดกรายเป็นเจ้าชู้ประตูดินอยู่บ่อยๆ

    การเกี้ยวพาราสีกันย่อมเกิดขึ้นเป็นของธรรมดา!

    การหาโอกาสพบกันน่ะ ไม่ได้สะดวกง่ายดายเหมือนเคี้ยวข้าวอย่างสมัยนี้นะคะ ต้องหาโอกาสตอนมีงานวัด มีมหรสพเช่น ลิเก, จำอวด, ฉายหนัง หรือไม่ก็เวลามีงานศพของคนร่ำรวย เจ้าภาพหามหรสพมาเล่นครึกครื้น แถมจุดดอกไม้ไฟกันสนุกอีกด้วยค่ะ

    พ่อค้าแม่ขายสรรหาของกินของเล่นสารพัดชนิด จุดตะเกียงเจ้าพายุสว่างไสวไปทีเดียว อย่างเบาะๆ ก็ต้องมีตะเกียงลาน...เป็นโอกาสของหนุ่มสาวจะได้พบปะพูดคุยเพิ่มความสนิทชิดเชื้อกันยิ่งกว่าเดิม

    นึกถึงหนุ่มสาวสมัยใหม่ ไวน้ำไวไฟจนหนุ่มสาวสมัยก่อนต้องซ่อนหน้าเอียงอายกันจริงๆ นะคะ ใช่ว่าป้าพูดเล่นเสียที่ไหนเล่า จริงมั้ย?

    เมื่อมีการสร้างโรงเรียนมัธยมบพิตรพิมุขขึ้นมา คนส่วนมากจึงพากันลืมๆ เลือนๆ ชื่อวัดเชิงเลนไป ชักจะเรียกกันติดปากว่าวัดบพิตรฯ มีแต่คนเก่าแก่เท่านั้นละค่ะถึงจะเรียกว่าวัดเชิงเลนตามเดิม

    แหม! เรื่องผีดุสมัยก่อนนั้นน่ะ พูดก็พูดเถอะ ไม่ว่าวัดไหนๆ ใครอยู่ใกล้ก็อ้างว่าวัดนั้นๆ ล้วนแต่ผีดุกว่าวัดอื่นทั้งเพ

    ที่วัดเชิงเลนก็เช่นกัน!

    สัปเหร่อสนแกมาก๊งเหล้าหน้าวัด เล่าว่าระยะหลังๆ มีเรื่องน่าแปลกตอนกลางคืน หมูหมาพากันเห่าหอนโหยหวน บ้างก็ครวญครางงื้ดง้าดเหมือนมันได้ประสบพบเห็นอะไรบางอย่าง แสนจะน่าเกลียดน่ากลัวเหลือประมาณ

    ป้าเชื่อมกลับจากธุระมาตอนหัวค่ำ กำลังจะเดินไปท้ายวัดเพื่อกลับบ้านที่ตลาดริมคลอง จู่ๆ ก็เห็นคนกลุ่มใหญ่นั่งล้อมวงกันเป็นเงาตะคุ่มๆ อยู่ที่ลานหน้าโรงเรียน ทั้งที่ไม่เคยเจอะเจอภาพแบบนั้นมาก่อน

    ยอดโพธิ์ไหวซ่า ร่างดำๆ กลุ่มนั้นก็หันมาหัวเราะครืน ป้าเชื่อมร้องตาเถน! ออกมาได้คำเดียวก็วิ่งปอดอ้ารวดเดียวไปสลบที่หน้าบ้าน!

    เสียงโจษจันชักจะหนาหูขึ้นทุกที ชาวบ้านชักสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นแน่ล่ะ?

    จนกระทั่งทางโรงเรียนในวัดเชิงเลน ได้จัดการขยายพื้นที่ให้กว้างขวางขึ้น โดยจ้างช่างมาปรับพื้นที่และขุดดิน เพื่อสร้างเป็นลานกว้างหรือสนามกีฬาให้นักเรียนได้ออกกำลังกาย จึงได้ประสบกับสิ่งน่าขนลุกขนชันเข้าอย่างจังเบอร์

    นั่นคือขุดดินลงไปพบศพมากมายหลายสิบศพ เป็นซากแห้งๆ ก็มี เหลือแต่กระดูกก็ไม่ใช่น้อย หลายๆ คนยืนว่านับได้ถึงร้อยกว่าศพด้วยซ้ำไป!

    พวกผู้ใหญ่เล่าว่า ที่นั่นเคยเป็นป่าช้าเก่าแก่ สมัยก่อนมีคนตายด้วยโรคระบาดกันมาก ทั้งอหิวาต์และกาฬโรค หลุมฝังศพจึงเรียงรายกันเป็นตับ บ้างก็เป็นหลุมใหญ่เอาศพมาสุมๆ กันไว้เพราะจะฝังหลุมละศพคงไม่ทันการณ์แน่

    หลังจากประกาศหาญาติผู้ตายแล้ว ก็ยังมีศพอีกมากมายที่ไร้ญาติขาดมิตรกลายเป็นศพอนาถา ทางวัดเชิงเลนจึงประกาศเผาศพไม่มีญาติ โดยบอกบุญทายกทายิกาในละแวกนั้น แล้วตั้งบาตรขนาดใหญ่ไว้รับเงินที่มีคนบริจาคที่หน้าเมรุ

    เมื่อการบำเพ็ญเผาศพไร้ญาติผ่านไป อุทิศส่วนบุญให้ผู้ตายถูกต้องตามประเพณี สนามหญ้าหน้าโรงเรียนบพิตรพิมุขก็อุบัติขึ้นมาโดยราบรื่น กิตติศัพท์ปีศาจวัดเชิงเลนก็เงียบหายไปตั้งแต่นั้นมาค่ะ



    ที่มา
    [​IMG]
     
  2. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,608
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,019
    น่ากลัวดีครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...